การพิจารณากำหนดวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า
ข้อปฏิบัติในการกำหนดวงเงินลูกค้า
1.กำหนดวงเงินของลูกค้าเทียบกับขนาดของเงินกองทุนของสมาชิกอย่างเหมาะสม
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกระจุกตัวในการให้วงเงินแก่ลูกค้ารายใดรายหนึ่งมากเกินไป และเพื่อป้องกันมิให้สมาชิกให้วงเงินแก่ลูกค้าสูงเกินฐานะของบริษัท
2.กำหนดวงเงินให้เหมาะสมกับลูกค้า
โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ และข้อมูลลูกค้าจากการทำ KYC/CDD
การกำหนดวงเงิน: ลูกค้าบุคคลธรรมดา
ตรวจสอบความมั่นคงสม่ำเสมอ และความสมเหตุสมผลของฐานะการเงิน แหล่งที่มาของรายได้ และทรัพย์สินที่ลูกค้า
นำมาแสดง โดยพิจารณาจากเอกสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ อาทิ
1.เอกสารแสดงทรัพย์สินที่ลูกค้านำมาแสดงตัวอย่างเอกสารที่แสดงทรัพย์สิน ได้แก่ บัญชีเงินฝากเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน / พันธบัตร / หุ้นกู้ / หน่วยลงทุน / ตั๋วแลกเงินที่สถาบันการเงินเป็นผู้ออก / หลักทรัพย์จดทะเบียน ซึ่งควรแสดงถึงความมีสภาพคล่อง /ปลอดจากภาระผูกพัน / เพียงพอต่อการพิจารณาวงเงิน / มีความสมเหตุสมผลของการเป็นผู้มีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน
วงเงินที่ได้รับ
ไม่ควรเกิน 3 เท่า ของมูลค่าเฉลี่ยของทรัพย์สินที่แสดง
กรณีที่เอกสารแสดงถึงทรัพย์สินที่เป็นหลักทรัพย์ที่ลูกค้ามีไว้กับสมาชิกอื่น หลักทรัพย์นั้นควรปลอดภาระผูกพัน
และมีข้อมูลที่แสดงความเคลื่อไหวของบัญชีอย่างเพียงพอ
วงเงินที่ได้รับ
ไม่ควรเกิน 1 เท่าของมูลค่าเฉลี่ยของทรัพย์สินที่แสดง
2.แหล่งที่มาของรายได้ตัวอย่างเอกสาร ได้แก่ หนังสือรับรองเงินเดือน / หลักฐานแหล่งที่มาของรายได้ / ประวัติการเดินบัญชีธนาคาร /หลักฐานรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน ซึ่งควรตรวจสอบความน่าถือของเอกสารเป็นสำคัญ
วงเงินที่ได้รับ
ไม่ควรเกิน 12 เท่าของรายได้ประจำต่อเดือน
3.ลูกค้าเจ้าของกิจการหลักฐานทางการเงิน ควรพิจารณาจากเอกสารการเป็นเจ้าของกิจการจากแหล่งที่สามารถเชื่อถือได้
วงเงินที่ได้รับ
ไม่ควรเกิน 1 เท่า ของมูลค่าของผู้ถือหุ้นในสัดส่วนของลูกค้า
(ตัวอย่าง ส่วนของผู้ถือหุ้น 100 ล้านบาท สัดส่วนการถือหุ้น 15% ดังนั้น วงเงินไม่ควรเกิน 15 ล้านบาท)
การกำหนดวงเงิน: ลูกค้านิติบุคคล
พิจารณาจากงบการเงินปีล่าสุดที่ผ่านการตรวจสอบแล้ว อาทิ งบแสดงฐานะทางการเงิน งบกำไรขาดทุน
หรืองบกระแสเงินสด (ถ้ามี)
วงเงินที่ได้รับ
ไม่ควรเกิน 1 เท่า ของส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงิน
การกำหนดวงเงิน: กรณี Cash Balance
ควรพิจารณาข้อมูลจาก KYC/CDD ประกอบด้วย โดยในกรณีที่ลูกค้าไม่ได้แสดงเอกสารฐานะทางการเงินควรกำหนดวงเงินรับโอนไม่เกิน 500,000 บาท หากมีการพิจารณาปัจจัยเชิงคุณภาพด้านอื่นเพิ่มเติมหลายปัจจัยร่วมกัน อาทิ อาชีพ ตำแหน่งงาน หรือ อายุ เป็นต้น โดยข้อมูลที่นำมาพิจารณามาจากแหล่งที่เชื่อถือได้และมีความสมเหตุสมผล อาจพิจารณากำหนดเกณฑ์จำนวนเงินรับโอนเพิ่มได้ แต่ไม่ควรเกิน 1,000,000 บาท
โดยมีแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมดังนี้
- ทบทวน KYC/CDD และฐานะทางการเงินของลูกค้าในกรณีที่ลูกค้าโอนเงินเข้ามาสูงกว่าเกณฑ์บ่อยครั้งหรือมีนัยสำคัญ
- ทำ KYC/CDD เพิ่มเติม หากข้อมูลไม่เพียงพอ เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่โอนเข้ามา
- การทบทวนฐานะการเงินของลูกค้าควรมีเอกสารสนับสนุนการทบทวนทำนองเดียวกับการพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า
- กรณีลูกค้าปัจจุบัน อาจจะข้อมูลมูลค่าทรัพย์สินที่มีอยู่กับบริษัทสุทธิปลอดภาระผูกพันเป็นแนวทางในการกำหนดเกณฑ์จำนวนเงิน
- พิจารณาถึงตัวตนที่แท้จริงของลูกค้า และพฤติกรรมที่อาจบ่งชี้ถึงความเป็น Nominee ของบุคคลอื่นในการวิเคราะห์และกำหนดขนาดวงเงินซื้อขายด้วย
วงเงินที่ได้รับ
ไม่เกินเงินสด หรือ เงินค่าขายหลักทรัพย์ที่วางเป็นหลักประกันในการชำระราคา
ขั้นตอนการพิจารณา และผู้มีอำนาจในการอนุมัติวงเงิน
1.กำหนดผู้มีอำนาจอนุมัติวงเงินในแต่ละลำดับชั้นไว้ให้ชัดเจน
2.การอนุมัติวงเงินจำนวนสูงควรเพิ่มความรัดกุมในการพิจารณามากยิ่งขึ้น
3.ในการขออนุมัติและการอนุมัติ ผู้ขอและผู้อนุมัติควรจัดทำบันทึกความเห็นและเหตุผลประกอบการพิจารณา
วงเงินที่ชัดเจนในทุกขั้นตอน กรณีที่มีความเห็นไม่สอดคล้องกัน ควรบันทึกความเห็นดังกล่าวให้ชัดเจน
4.ผู้อนุมัติควรพิจารณาอนุมัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด
5.กรณีวงเงินที่ขออนุมัติสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ควรมีขั้นตอนดำเนินการดังนี้
5.1 วงเงินที่ขออยู่ในข่ายที่บุคคล/คณะบุคคล มีได้รับมอบอำนาจพิจารณาอนุมัติได้
- ผู้ขออนุมัติควรจัดทำบันทึกความเห็นและเหตุผลโดยละเอียดเพื่อเสนอต่อบุคคล/คณะบุคคลเป็นกรณีพิเศษ
- บุคคล/คณะบุคคลควรระบุเหตุผลที่ชัดเจนในการอนุมัติวงเงินที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
- บุคคล/คณะบุคคลควรรายงานการอนุมัติวงเงินต่อคณะกรรมการบริษัททราบโดยเร็ว หากคณะกรรมการไม่เห็นด้วย
- สมาชิกควรทบทวนวงเงินของลูกค้ารายนั้นโดยเร็ว
5.2 วงเงินที่ขอไม่อยู่ในข่ายที่บุคคล/คณะบุคคล มีได้รับมอบอำนาจพิจารณาอนุมัติได้
- ผู้ขออนุมัติควรจัดทำบันทึกความเห็นและเหตุผลโดยละเอียดเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการบริษัทเป็นกรณีพิเศษ
- คณะกรรมการบริษัทควรระบุเหตุผลที่ชัดเจนในการอนุมัติวงเงินที่สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด
6.ควรจัดเก็บและเรียกดูข้อมูลของลูกค้าที่ให้วงเงินไม่เป็นไปตามแนวทางปฏิบัติงานได้ทันทีเมื่อ ก.ล.ต. หรือ
ตลาดหลักทรัพย์ร้องขอ
7.กรณีมีเหตุจำเป็นที่เห็นควรพิจารณาเพิ่มวงเงินชั่วคราวให้แก่ลูกค้า
7.1 ควรกำหนดขั้นตอนการพิจารณา ผู้มีอำนาจอนุมัติ รวมทั้งระบุเหตุผลและระยะเวลาของวงเงินให้ชัดเจน
7.2 การขออนุมัติวงเงินชั่วคราวทำให้วงเงินสูงกว่าเกณฑ์ปกติ ควรปฏิบัติทำนองเดียวกันกับข้อ 5
7.3 ควรกำหนดอัตราสูงสุดของวงเงินชั่วคราวตามสัดส่วนของวงเงินเดิมที่ไม่ทำให้วงเงินเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
7.4 การเพิ่มวงเงินชั่วคราวเป็นการอนุมัติเพื่อประโยชน์ในการซื้อขายเป็นครั้งคราวเท่านั้นและควรกลับไปสู่วงเงินเดิมโดยเร็ว
7.5 การอนุมัติวงเงินชั่วคราวให้ลูกค้ารายใดบ่อยครั้ง ควรพิจารณาทบทวนวงเงินของลูกค้ารายนั้นโดยไม่ชักช้า
การทบทวนวงเงินของลูกค้า
1.ควรทบทวนวงเงินของลูกค้าอย่างน้อยปีละครั้ง
2.ควรทบทวนวงเงินทันทีหรืออาจพิจารณาระงับการซื้อขายของลูกค้ากรณีต่อไปนี้
2.1 มีการเปลี่ยนแปลงที่อาจมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและความสามารถในการชำระหนี้ อาทิ ธุรกิจเสียหาย
2.2 มีพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะที่อาจไม่เหมาะสม หรือตามที่ตลาดมีข้อสังเกต
2.3 มีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายการดำเนินการที่เป็นการฟอกเงินหรือการซื้อขายเป็นกลุ่มหรือเป็น Nominee
3.การทบทวนหรือระงับวงเงิน อาจเลือกใช้เกณฑ์ที่กำหนดหรือพิจารณาจากประวัติการซื้อขายและชำระราคาของลูกค้า
4..ควรทบทวนวงเงินให้เหมาะสมกับพฤติกรรมการลงทุนของลูกค้า โดยไม่เพิ่มวงเงินของลูกค้าจากการพิจารณาเพียงข้อมูลการซื้อขายที่ผ่านมา หรือประวัติไม่เคยผิดนัดชำระหนี้
5.ควรพิจารณากำหนดวงเงินให้ลูกค้าที่สมาชิกทราบว่ามีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ด้วยความเข้มงวดกว่าปกติ
5.1 ลงทุนในลักษณะซื้อขายเร็ว
5.2 ซื้อขายตามข่าวลือ
5.3 ซื้อขายหลักทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง โดยอาจไม่คำนึงถึงปัจจัยพื้นฐาน
5.4 ซื้อขายกระจุกตัวในหุ้นที่อยู่ใน Turnover List
5.5 มีประวัติการซื้อขายไม่เหมาะสม เช่น เคยถูกลงโทษหรือกล่าวโทษจากหน่วยงานทางการ
การปรับลดวงเงินของลูกค้า
กรณี ได้รับแจ้งหรือมีข้อสังเกตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทางโทรศัพท์ ถึงพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าที่อาจมีลักษณะไม่เหมาะสม
ปรับลดวงเงินอย่างน้อย 20% ของวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์
กรณี ได้รับหนังสือแจ้งหรือมีข้อสังเกตจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทางโทรศัพท์เป็นลายลักษณ์อักษร
หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ถึงพฤติกรรมการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าที่อาจมีลักษณะไม่เหมาะสม
ปรับลดวงเงินอย่างน้อย 50% ของวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ และ ระงับการให้บริการการส่งคำสั่งซื้อขายผ่านระบบออนไลน์
หมายเหตุ: สมาชิกอาจพิจารณาดำเนินการปรับลดวงเงินของลูกค้าได้ ในกรณีดังนี้
- พบพฤติกรรมซื้อขายที่ไม่เหมาะสม ส่งผลต่อสภาพปกติของตลาด (False Market)
- พบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการฟอกเงิน
- พบพฤติกรรมการซื้อขายที่เป็นกลุ่ม หรือเป็น Nominee
ตัวอย่างการกำหนดวงเงินซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า
ตัวอย่างที่ 1: ความไม่เหมาะสมของเอกสาร หรือ ข้อมูลที่ใช้ประกอบการพิจารณากำหนดวงเงินของลูกค้า
เอกสารไม่เหมาะสม
- ไม่มีเอกสารประกอบหรือรายละเอียดเกี่ยวกับการเป็นเจ้าของกิจการ
- แหล่งรายได้ไม่ชัดเจนและไม่มีหลักฐานยืนยันข้อมูลที่ลูกค้าให้
- ลูกค้ามีหุ้นใน Portfolio แต่ไม่มีหลักฐานหรือมีหลักฐานที่ไม่สามารถใช้ยืนยันว่าลูกค้ามีหุ้นดังกล่าวจริง
- ไม่มีหลักฐานประกอบแสดงแหล่งที่มาของรายได้ที่ชัดเจน
ข้อมูลไม่เหมาะสม
- ให้วงเงินจากยอดเงินฝากที่สูงสุดใน Statement โดยไม่พิจารณาข้อมูลที่ปรากฏในรายการอื่นๆประกอบ
- วิธีการคำนวณจำนวนเงินฝากธนาคารเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือนไม่เหมาะสม
- บัญชีเงินฝากธนาคารของลูกค้าที่ปรากฏข้อมูลย้อนหลังที่นำมาใช้พิจารณากำหนดวงเงินมีรายการไม่สม่ำเสมอ
ตัวอย่างที่ 2: กรณีที่บริษัทควรทบทวนวงเงินซื้อขายของลูกค้าและรวมถึงทบทวนการทำ KYC/CDD
การโอนเงิน/หลักทรัพย์
- โอนเงินหรือหลักทรัพย์เข้าบัญชีเพื่อเพิ่มวงเงินและมีการโอนเงินหรือหลักทรัพย์ดังกล่าวออกไปยังบัญชีของตนเองหรือบุคคลอื่นที่บริษัทแห่งอื่น ซึ่งอาจหมายถึงลูกค้ามีการใช้หลักทรัพย์เดิมเวียนเป็นหลักประกันเพิ่มวงเงิน
- อีกหลายบริษัท
- โอนเงินเข้าออกถี่และมีเลขที่บัญชีในการรับโอนหลายบัญชีโอนหลักทรัพย์จากบัญชีไปยังบุคคลอื่นในจำนวนครั้งและปริมาณที่เกินความเหมาะสม
การติดต่อ/ที่อยู่/เอกสารตีคืน
- เปลี่ยนแปลงที่อยู่ในการรับเอกสาร เปลี่ยน email ในการติดต่อ เปลี่ยนลายเซ็นหลังเริ่มซื้อขายไม่นานหรือมีการเปลี่ยนแปลงที่อยู่มากกว่า 1 ครั้งในระยะเวลาใกล้เคียงกัน
- ลูกค้าหลายรายใช้ที่อยู่ติดต่อหรือ email address หรือ IP Address เดียวกัน
- มีเอกสาร เช่น ใบยืนยันการซื้อขายหลักทรัพย์ รายการแสดงทรัพย์สินตีคืนกลับเป็นประจำบ่อยครั้งโดยไม่สามารถหาสาเหตุหรือติดต่อลูกค้าได้
ข้อกำหนดของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- ลูกค้าที่ตลาดหลักทรัพย์ฯหรือหน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องมีข้อสังเกต
- ส่งคำสั่งซื้อขายที่อาจไม่เหมาะสมตามเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯกำหนด
- มีรายการที่อาจเข้าข่ายธุรกรรมต้องสงสัย (STR)
วงเงิน/Cash Balance
- มีการขอเพิ่มวงเงินเพิ่ม เป็นจำนวนมากในระยะเวลาอันสั้น
- ลูกค้าที่ซื้อขายหลักทรัพย์ที่เข้าเกณฑ์ Cash Balance จำนวนมาก เมื่อเทียบกับการซื้อขายรวมของลูกค้า