หมวดที่ 3 : สมาชิกและสมาชิกภาพ หมวดที่ 4 : ค่าบำรุงชมรม
หมวดที่ 5 : สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก หมวดที่ 6 : การประชุมสมาชิก
หมวดที่ 7 : คณะกรรมการชมรมและการบริหารชมรม หมวดที่ 8 : การเงินและการบัญชี
หมวดที่ 9 : การแก้ไขข้อบังคับชมรม และการเลิกชมรม
ข้อ 1. ชมรมนี้มีชื่อว่า "ชมรมบริหารทรัพยากรบุคคลบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย"
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า "Human Resources Club"
คำว่า "ชมรม" ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง "ชมรมบริหารทรัพยากรบุคคลบริษัทหลักทรัพย์"
คำว่า "คณะกรรมการ" ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง "คณะกรรมการของชมรมบริหารทรัพยากรบุคคลบริษัทหลักทรัพย์"
คำว่า "กรรมการ" ต่อไปในข้อบังคับนี้ให้หมายถึง "กรรมการของชมรมบริหารทรัพยากรบุคคลบริษัทหลักทรัพย์"
ข้อ 2. สำนักงานของชมรมตั้งอยู่ ณ ที่ทำการของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 3. ในกรณีที่มีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยหรือตีความเกี่ยวกับข้อบังคับนี้หรือการดำเนินการของชมรม ให้คณะกรรมการ
เป็นผู้วินิจฉัยหรือตีความแล้วแต่กรณี
ข้อ 4 วัตถุประสงค์ของชมรมมีดังต่อไปนี้
4.1 เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ความรู้ ประสบการณ์ และวิธีเกี่ยวกับงานบริหารทรัพยากรบุคคลระหว่างสมาชิก
4.2 เป็นศูนย์กลางในการแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสาร และประสานความร่วมมือกันระหว่างสมาชิกในการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ในการปฏิบัติงานด้านบริหารทรัพยากรบุคคล
4.3 ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลแก่บริษัทสมาชิก
4.4 เป็นศูนย์กลางในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลให้กับบุคลากรของบริษัทสมาชิกให้มีศักยภาพในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลอย่างมืออาชีพ
เพื่อให้มีแนวคิดในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลแนวใหม่ โดยพัฒนาให้มีความสามารถในการบริหารทรัพยากรบุคคลอย่างแท้จริง เพื่อให้เกิด
ประสิทธิภาพและประโยชน์สูงสุดต่อธุรกิจโดยภาพรวม
4.5 เพื่อเผยแพร่งานวิชาการ ผลการวิจัย และกิจกรรมทางวิชาการที่เกี่ยวกับการบริหารทรัพยากรบุคคลให้แก่สมาชิก
ข้อ 5. สมาชิกของชมรม ได้แก่ นิติบุคคลที่ได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์หรือธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
หรือตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์หรือศูนย์ซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ต่อไปนี้จะเรียกว่า "สมาชิก")
ข้อ 6. บริษัทที่มีคุณสมบัติตามข้อ 5. ซึ่งมีความประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรม ให้ยื่นใบสมัครต่อเลขาธิการชมรมตามวิธีการที่ชมรมกำหนด
และให้เลขาธิการชมรมนำใบสมัครนั้นเสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคำขอเข้าเป็นสมาชิก โดยเมื่อคณะกรรมการมีมติให้รับหรือไม่รับผู้ใดเข้า
เป็นสมาชิกให้เลขาธิการชมรมมีหนังสือแจ้งให้ผู้สมัครนั้นทราบภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่คณะกรรมการลงมติ
ข้อ 7. สมาชิกภาพเริ่มตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระค่าบำรุงชมรมฯ เรียบร้อยแล้ว
ข้อ 8. สมาชิกย่อมขาดจากสมาชิกภาพในกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
8.1 สมาชิกแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรขอลาออกจากชมรม
8.2 สมาชิกไม่ชำระค่าบำรุงรายปี โดยไม่มีเหตุอันควร
8.3 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอนชื่อจากทะเบียนสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
8.4 คณะกรรมการมีมติให้พ้นจากสมาชิกภาพโดยจะดำเนินการตามขั้นตอนที่คณะกรรมการมีมติกำหนด
ข้อ 9. สมาชิกจะต้องชำระค่าลงทะเบียนแรกเข้าและค่าบำรุงชมรม ดังนี้
9.1 ค่าลงทะเบียนสมาชิกแรกเข้าเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท และชำระค่าบำรุงรายปีในอัตราที่คณะกรรมการชมรมกำหนด แต่ไม่เกินปีละ 20,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ทั้งนี้ ให้ยกเว้นค่าลงทะเบียนสมาชิกแรกเข้าสำหรับบริษัทที่เป็น สมาชิกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
9.2 การชำระค่าบำรุงรายปีของสมาชิกรายใหม่ ให้ใช้หลักเกณฑ์ต่อไปนี้
9.2.1 ระยะเวลาที่เข้าเป็นสมาชิกในปีแรกน้อยกว่า 6 เดือน ให้ชำระค่าบำรุงรายปีจำนวนกึ่งหนึ่ง
9.2.2 ระยะเวลาที่เข้าเป็นสมาชิกในปีแรกมากกว่า 6 เดือน ให้ชำระค่าบำรุงรายปีเต็มจำนวน
9.2.3 ใช้ชำระค่าบำรุงรายปีภายใน 30 วันนับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการมีมติให้รับสมาชิกรายใหม่
การขอผ่อนผันการชำระค่าบำรุงรายปีของสมาชิกใหม่ ให้ขึ้นอยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการชมรม
9.3 สมาชิกต้องชำระค่าบำรุงรายปี ภายในเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี หรือตามที่คณะกรรมการกำหนด
ข้อ 11. ให้คณะกรรมการจัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละ 1 ครั้ง ภายใน 3 เดือน นับแต่วันครบรอบระยะเวลาบัญชีของชมรม
การประชุมสมาชิกคราวอื่นให้เรียกว่าประชุมวิสามัญ ซึ่งคณะกรรมการหรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 1
ใน 4 ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจะร้องขอให้คณะกรรมการจัดประชุมเมื่อใดก็ได้ โดยแจ้งเหตุร้องขอประชุมเป็น
ลายลักษณ์อักษรไปยังเลขาธิการชมรม
ข้อ 12 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี ต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม
หากเวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุม ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้า และ
ให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุมครั้งหลังนี้แม้สมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้
ข้อ 13. การประชุมวิสามัญต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดจึงจะครบเป็นองค์ประชุม หากเวลาผ่านพ้นไป
1 ชั่วโมง สมาชิกมาไม่ครบองค์ประชุมก็ให้เลื่อนการประชุมไปคราวหน้าและให้คณะกรรมการเรียกประชุมใหม่ การประชุมครั้งหลังนี้
แม้มีสมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ดำเนินการประชุมไปได้ เว้นแต่ ในกรณีของการประชุมวิสามัญที่สมาชิกร้องขอให้คณะกรรมการ
จัดประชุมนั้น หากสมาชิกไม่ครบเป็นองค์ประชุมก็ให้ยกเลิกการประชุมนั้นเสีย
ข้อ 14. การบอกกล่าวประชุมสมาชิก ให้แจ้งแก่สมาชิกล่วงหน้าก่อนการประชุมไม่น้อยกว่า 7 วันทำการ โดยทางจดหมายนำส่งจดหมายอิเลคทรอนิกส์
หรือโทรสาร พร้อมทั้งแจ้งรายละเอียด วัน เวลา สถานที่ และวาระการประชุม
ข้อ 15. ให้ประธานคณะกรรมการเป็นประธานในที่ประชุมสมาชิกถ้าประธานคณะกรรมการไม่มาประชุมให้รองประธานคณะกรรมการ หรือ
บุคคลที่ประธานมอบหมายเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานคณะกรรมการ รองประธานคณะกรรมการ และ/หรือบุคคลที่ประธานกรรมการ
มอบหมาย ไม่สามารถมาประชุมได้ ให้สมาชิกเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
ข้อ 16. ให้สมาชิกแต่ละรายมีคะแนนเสียงรายละหนึ่งเสียง โดยการลงมติให้ที่ประชุมถือคะแนนเสียงข้างมากของสมาชิกที่มีส่วนได้เสีย ซึ่งมาประชุม
และออกเสียงลงคะแนนเป็นเกณฑ์ ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้เฉพาะในหมวดที่ 9 เรื่อง
"การแก้ไขข้อบังคับชมรมและการเลิกชมรม"
ข้อ 17. การเลือกตั้งและแต่งตั้งคณะกรรมการของชมรม
17.1 ให้มีคณะกรรมการขึ้นคณะหนึ่งมีจำนวนไม่เกิน 12 คน ประกอบด้วยกรรมการจากบริษัทสมาชิกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
และกรรมการจากบริษัทอื่น ๆ ไม่เกิน 3 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมสมาชิกสมาชิก และ/หรือ การแต่งตั้งโดยคณะกรรมการ ตามข้อ 24.
และให้เลขาธิการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยเป็นเลขาธิการชมรมโดยตำแหน่ง
17.2 การเลือกตั้งกรรมการให้กระทำโดยสมาชิกเลือกตั้งจากบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง
17.3 ในการเลือกตั้งกรรมการ ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนสูงตามลำดับได้เป็นกรรมการไม่เกินจำนวนที่ระบุไว้ในข้อ 17.1
ถ้ามีผู้ที่ได้คะแนนเท่ากันในลำดับสุดท้ายที่จะได้เป็นกรรมการคราวนั้นให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติใหม่เฉพาะผู้ที่ได้คะแนนเท่ากัน
หากปรากฏว่าคะแนนเท่ากันอีกให้ใช้วิธีจับสลาก
17.4 บัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้ง ประกอบด้วยรายชื่อของบุคคลที่เสนอโดยสมาชิกให้เป็นผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งในตำแหน่งกรรมการชมรม
17.5 ผู้ที่มีสิทธิเป็นกรรมการจะต้องเป็นผู้แทนของสมาชิกและมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลของสมาชิก
17.6 การเสนอรายชื่อบุคคลผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งเป็นกรรมการให้เสนอต่อกรรมการและเลขาธิการชมรมก่อนวันประชุมใหญ่ของชมรม
ไม่น้อยกว่าเจ็ดวันทำการ และให้กรรมการและเลขาธิการชมรมส่งบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิรับเลือกตั้งไปยังสมาชิกล่วงหน้าก่อนวันประชุมใหญ่
ของชมรมไม่น้อยกว่าสามวันทำการ
17.7 ให้บรรดากรรมการเลือกตั้งตำแหน่งหน้าที่ในชมรมกันเองเพื่อดำรงตำแหน่งหน้าที่ต่อไปนี้ ประธาน รองประธาน เหรัญญิก และตำแหน่งอื่น ๆ
ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควรกำหนดให้มี ทั้งนี้ การดำรงตำแหน่งแต่ละตำแหน่งจะต้องไม่เกินสองวาระติดต่อกัน ทั้งนี้ ผู้ที่มีสิทธิได้รับเลือกตั้ง
ให้เป็นประธาน จะต้องเป็นผู้แทนของสมาชิกหรือมีตำแหน่งเป็นผู้บริหารในหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลของบริษัทหลักทรัพย์
17.8 คณะกรรมการดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี และการประชุมใหญ่สามัญประจำปีทุกครั้งให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนหนึ่งในสาม (1/3)
ของจำนวนกรรมการในขณะนั้น โดยให้ผู้ที่อยู่ในวาระนานที่สุดออกก่อนและหากไม่ครบให้ใช้วิธีจับสลากกรรมการที่เหลือ โดยวิธีจับสลาก
หากจำนวนที่คำนวณได้มีเศษให้ปัดทิ้ง และให้ถือว่าการออกจากตำแหน่งในการประชุมใหญ่สามัญประจำปีเป็นการออกตามวาระด้วย
เพื่อให้มีการเลือกตั้งกรรมการใหม่แทนกรรมการที่ต้องออกตามวาระนั้น กรรมการชมรมที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับเลือกตั้งได้อีก
17.9 ความในข้อ 17.2, 17.3, และ 17.8 มิให้นำมาใช้บังคับแก่เลขาธิการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย ซึ่งเป็นกรรมการและเลขาธิการของชมรมโดยตำแหน่ง
ข้อ 18. ให้คณะกรรมการจากการเลือกตั้งของสมาชิกชมรมแจ้งรายชื่อกรรมการให้สมาชิกทั้งหมดทราบ ภายใน 30 วัน
นับแต่วันที่การเลือกตั้งเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ข้อ 19. การเลือกตั้งกรรมการโดยสมาชิกในที่ประชุมสมาชิกจะกระทำโดยวิธีเปิดเผย หรือวิธีอื่นก็ได้ ทั้งนี้ แล้วแต่
ที่ประชุมใหญ่สมาชิกจะกำหนด
ข้อ 20. ให้คณะกรรมการชมรมร่วมกันกำหนดและมอบหมายความรับผิดชอบในงานด้านต่าง ๆ ของชมรมแก่กรรมการชมรมภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้
จัดตั้งคณะกรรมการชมรมเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ข้อ 21. อำนาจและหน้าที่ของประธานคณะกรรมการและกรรมการ
21.1 กำหนดทิศทางและนโยบายของชมรม
21.2 บริหารกิจการของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
21.3 แต่งตั้งที่ปรึกษาของชมรมและคณะอนุกรรมการตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
21.4 แต่งตั้งคณะทำงานในเรื่องต่าง ๆ จากสมาชิกหรือบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
21.5 ให้ประธานคณะกรรมการเป็นผู้แทนของชมรมในกิจการอันเกี่ยวกับบุคคลภายนอกและเป็นประธาน
ในที่ประชุมของคณะกรรมการชมรมและในที่ประชุมสมาชิก
21.6 ให้กรรมการและเลขาธิการชมรมมีหน้าที่ช่วยเหลือประธานในกิจการทั้งปวงอันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของประธาน เป็นผู้ปฏิบัติการแทนประธานในขณะที่
ประธานไม่อยู่ หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้หรือตามที่ประธานจะมอบหมายและมีหน้าที่บริหารงานเอกสารที่เกี่ยวกับการประชุม
21.7 ให้ประธานคณะกรรมการประสานงานกับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทยในการแต่งตั้งหรือมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ทำหน้าที่รักษาและจดบันทึกบัญชีเกี่ยวกับเงิน ทรัพย์สิน รายรับ-รายจ่ายของชมรม ตลอดจนปฏิบัติหน้าที่เป็นนายทะเบียนสมาชิก และหน้าที่อื่น ๆ
ตามที่คณะกรรมการเห็นสมควร
ข้อ 22. การประชุมคณะกรรมการ
22.1 ให้มีการประชุมคณะกรรมการตามที่ประธานคณะกรรมการจะเห็นสมควร แต่อย่างน้อยจะต้องมีการประชุมทุก 3 เดือน
22.2 ในการประชุมคณะกรรมการทุกครั้งต้องมีกรรมการมาร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมด จึงจะครบองค์ประชุม
22.3 ให้ประธานคณะกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม ถ้าประธานคณะกรรมการไม่มาประชุมให้รองประธานคณะกรรมการเป็นประธานในที่ประชุม
ถ้าประธานคณะกรรมการและรองประธานคณะกรรมการไม่มาประชุม ให้คณะกรรมการเลือกกรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่แทน
22.4 มติของที่ประชุมคณะกรรมการให้ถือเสียงข้างมากของจำนวนกรรมการที่มาประชุมเป็นเกณฑ์ในกรณีที่เสียงเท่ากันให้ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
22.5 ให้ประธานคณะกรรมการหรือผู้ที่ประธานคณะกรรมการมอบหมาย รายงานผลการดำเนินงานของชมรมต่อคณะกรรมการสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 23. การพ้นจากตำแหน่งของกรรมการ
23.1 ถึงแก่กรรม
23.2 ถึงคราวออกตามวาระ
23.3 ลาออก
23.4 ออกจากบริษัทสมาชิกหรือพ้นสภาพการเป็นผู้แทนของบริษัทสมาชิก
23.5 บริษัทขาดจากสมาชิกภาพ
23.6 ที่ประชุมสมาชิกมีมติให้ถอดถอนด้วยคะแนนเสียง 3 ใน 4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ 24. ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลง ซึ่งนอกเหนือไปจากการออกตามวาระในข้อ 17.8 ให้คณะกรรมการแต่งตั้ง กรรมการเข้าดำรงตำแหน่งแทน
โดยกรรมการผู้ได้รับการแต่งตั้งขึ้นใหม่มีวาระการดำรงตำแหน่งได้เท่ากับกรรมการที่ตนเข้ามาแทนพึงมี ทั้งนี้ ให้กระทำในการประชุมคณะกรรมการ
ครั้งต่อไปตามองค์ประกอบในข้อ 17.1
ข้อ 25. การเงินของชมรมให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ หรือบุคคลที่คณะกรรมการมอบหมาย โดยจะได้รับการสนับสนุนด้านบุคลากรจาก
สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย
ข้อ 26. รายได้ของชมรมเกิดจากการเก็บค่าลงทะเบียนแรกเข้าและค่าบำรุงรายปีจากสมาชิก รายได้จากการจัดกิจกรรมหรือรายได้จากการจำหน่าย
เอกสารทางวิชาการของชมรม
ข้อ 27. ให้คณะกรรมการพิจารณานำเงินของชมรมฝากหรือลงทุนไว้กับสถาบันการเงินที่คณะกรรมการชมรมเห็นสมควร โดยแยกออกต่างหากจากบัญชี
อื่น ๆ ของสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ไทย การเบิกจ่ายเงินจากบัญชีเงินฝาก หรือการไถ่ถอนเงินลงทุนของชมรมทุกครั้งต้องมีหลักฐานการอนุมัติโดยการ
ลงลายมือชื่อของกรรมการชมรมอย่างน้อย 2 คนร่วมกัน
ข้อ 28. เหรัญญิกของคณะกรรมการอาจเก็บรักษาเงินสดย่อยเพื่อการทดรองจ่ายได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท และการเบิกจ่ายเงินจากเงินสดย่อยทุกครั้ง
ต้องมีเอกสาร หลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์
ข้อ 29. ให้คณะกรรมการใช้จ่ายเงินของชมรมได้ตามความจำเป็นเพื่อบริหารงานของชมรม และกิจกรรมของชมรมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์
ข้อ 30. รอบปีบัญชีของชมรมเริ่มต้นในวันที่ 1 มกราคม และสิ้นสุดในวันที่ 31 ธันวาคมของทุกปี ให้ผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคมทำการตรวจสอบบัญชี
รายรับ-รายจ่าย และงบดุลของชมรมแล้วนำเสนอต่อที่ประชุมสมาชิกในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ข้อ31. ข้อบังคับของชมรมจะสามารถแก้ไขเพิ่มเติมได้ด้วยมติของที่ประชุมสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า3ใน4 ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ32. ชมรมจะเลิกได้ด้วยมติของที่ประชุมสมาชิกด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า3ใน4ของสมาชิกทั้งหมด